แนะนำการบริหารเงินในกระเป๋าของคุณให้เกิดประโยชน์สูงสุด
 เข้าสู่ระบบ - สมัครสมาชิก  |  
 ตะกร้าสินค้า (0)
   Main webboard   »   เหตุผลของการทำประกันชีวิต
 ย้อนกลับ  |  ตั้งกระทู้ใหม่  
Started by
Topic:   คำศัพท์ประกันชีวิตที่ควรรู้  (Read: 2500 times - Reply: 0 comments)   
ekkawat (Admin)

Posts: 11 topics
Joined: 8/12/2552

คำศัพท์ประกันชีวิตที่ควรรู้
« Thread Started on 10/12/2552 23:10:00 IP : 125.25.102.214 »
 

ศัพท์ประกันชีวิต
"ประกันชีวิต ประกันอนาคต"

:: 1. การประกันชีวิตประเภทสามัญ (Ordinary Insurance) 
      หมายถึง การประกันชีวิตประเภทหนึ่งที่มีจำนวนเงินเอาประกันภัยสูงกว่าประเภทอุตสาหกรรม โดยชำระเบี้ยประกันภัยเป็นรายปี รายครึ่งปปี ราย 3 เดือน หรือรายเดือน โดยอาจมีการตรวจสุขภาพหรือไม่ก็ได้

:: 2. การประกันชีวิตแบบอุตสาหกรรม (Industrial Insurance)
      หมายถึง การประกันชีวิตประเภทหนึ่งที่มีจำนวนเงินเอาประกันภัยค่อนข้างต่ำ โดยชำระเบี้ยประกันชีวิตเป็นรายเดือน หรือรายสัปดาห์ โดยไม่มีการตรวจสุขภาพ อาจมีเงื่อนไขกำหนดระยะรอคอยวันเริ่มความคุ้มครอง หรือไม่มีก็ได้

:: 3. การประกันชีวิตประเภทกลุ่ม (Group Life Insurance) 
      หมายถึง การประกันชีวิตประเภทหนึ่ง ซึ่งคุ้มครองบุคคลที่มีผลประโยชน์อย่างเดียวกัน เช่น ลูกค้าของบริษัท สมาชิกสมาคมหรือสภาพ ทั้งนี้ผู้รับประกันภัยจะออกกรมธรรม์หลักให้แก่นายจ้างสมาคม หรือสภาพในฐานะเป็นผู้เอาประกัน โดยให้ลูกค้าหรือสมาชิกสมาคมหรือสภาพเป็นผู้เอาประกันชีวิต

:: 4. เบี้ยประกันภัยรับ (Written Premium)
      หมายถึง จำนวนเบี้ยประกันภัยทุกประเภทที่บริษัทประกันชีวิตได้รับ

:: 5. เบี้ยประกันภัยรับปีแรก (First Year Premium)
      หมายถึง ยอดเบี้ยประกันภัยรับ ที่ผู้เอาประกันชำระในปีแรกของการทำประกันชีวิต


:: 6. เบี้ยประกันภัยรับปีต่อไป (Renewal Premium)
      หมายถึง ยอดเบี้ยประกันภัยรับที่ผู้เอาประกันชำระเพื่อต่ออายุการทำประกันชีวิต



:: 7. เบี้ยประกันภัยรับรวม (Total Premium)
      หมายถึง จำนวนเบี้ยประกันภัยรับจากทุกยอด



:: 8. จำนวนเงินเอาประกันภัย (sum Insured)
      หมายถึง จำนวนเงินที่ระบุในกรมธรรม์ ซึ่งผู้รับประกันภัยสัญญาจะชดใช้ให้ผู้เอาประกันภัย หรือผู้รับประโยชน์ตามเงื่อนไขในกรมธรรม์

:: 9. จำนวนเงินที่จ่ายตามกรมธรรม์ (Proceeds)
      หมายถึง จำนวนเงินสุทธิที่ผู้รับประกันภัยจ่ายให้แก่ผู้เอาประกันภัย เมื่อสัญญาครบกำหนด หรือจ่ายแก่ผู้รับประโยชน์เมื่อผู้เอาประกันถึงแก่กรรม

:: 10. อัตราความยั่งยืนของกรมธรรม์ (Persistency Rate)
      หมายถึง ความคงอยู่ของกรมธรรม์ วิธีที่นิยมใช้ในการคำนวณคือจำนวนรายที่ขายได้ในปีแรกเทียบกับปีต่ออายุ หากบริษัทใดมีอัตราความยั่งยืนของกรมธรรม์สูง แสดงว่าความต่อเนื่องในการส่งเบี้ยประกันของลูกค้ามีความสม่ำเสรอมและการละทิ้งกรมธรรม์มีน้อย



:: 11. เงินกองทุน (Capital Funds)
      หมายถึง ทรัพย์สินที่สูงกว่าหนี้สินของบริษัท ตามราคาประเมิน ซึ่งตามพระราชบัญญัติการประกันชีวิตแล้ว บริษัทประกันชีวิตจะต้องดำรงเงินกองทุนไว้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 2 ของเงินสำรอง แต่ต้องไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท

:: 12. เงินสำรอง (Reserve) 
      หมายถึง จำนวนเงินซึ่งตั้งสำรองไว้เพื่อประโยชน์เฉพาะกิจ หรือเพื่อประโยชน์ทั่วไป สำหรับการประกันชีวิต ในการคำนวณเบี้ยประกันคงที่ จะมีส่วนหนึ่งของเบี้ยประกันภัยในระยะแรกของสัญญาบริษัทจะเก็บสะสมไว้พร้อมกับดอกเบี้ยเป็นจำนวนเงินที่พอเพียงสำหรับการชดใช้ต่อผู้เอาประกันในอนาคตตามสัญญาที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ เงินส่วนนี้เรียกว่า “เงินสำรอง”

:: 13. ความยั่งยืนของเบี้ยประกัน (Premium Persistency)
      หมายถึง ความยั่งยืนของเบี้ยประกัน (Premium Persistency) หมายถึง อัตราส่วนของ “เบี้ยประกันภัยปีต่อไป หรือเบี้ยประกันภัยต่ออายุ” (Renewal Premium) ที่เก็บได้เทียบกับเบี้ยประกันภัยที่ครบกำหนดเก็บ ซึ่งถือว่าเท่ากับ “เบี้ยประกันภัยรวม” (Total Premium) ในระยะเดียวกันของปีก่อนนั้น 

 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share

กรุณาเข้าสู่ระบบหรือสมัครสมาชิกก่อนโพสข้อความค่ะ
»
คลิ๊กที่นี่
   Main webboard   »   เหตุผลของการทำประกันชีวิต
 ย้อนกลับ  |  ตั้งกระทู้ใหม่  
Advertising Zone    Close


Online: 1 Visits: 38,685 Today: 6 PageView/Month: 48

ด้วยความปราถนาดีจาก "สยามทูเว็บดอทคอม" และเพื่อป้องกันการเปิดเว็บไซต์เพื่อหลอกลวงขายของ โปรดตรวจสอบร้านค้าให้แน่ใจก่อนตัดสินใจซื้อของทุกครั้งนะคะ    อ่านเพิ่มเติม ...